ตำรวจยศพันตำรวจโทเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บงการให้ลูกสาวดูแลระบบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ในวงการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่มีอะไรน่าตกใจมากไปกว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกลายเป็นหัวหน้าแก๊งค์ที่กำลังบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม จากการสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 5 พบว่า พ.ต.ท. ยศพันตำรวจโท ซึ่งเป็นสารวัตรของสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ กลับเป็นหัวหน้าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ก่อกวน
บงการให้ลูกสาวดูแลระบบการทำงานของแก๊ง
จากการสอบสวน พบว่า พ.ต.ท. บัณฑิต ได้จัดหาห้องพักให้กับสมาชิกในแก๊ง และยังเคยมาช่วยติดตั้งอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ เพื่อใช้ในการดำเนินการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย นอกจากนี้ พ.ต.ท. บัณฑิต ยังเป็นตัวเชื่อมในการติดต่อกับแก๊ง และยังชักชวนให้ลูกสาวของตนมาร่วมดูแลระบบการทำงานของแก๊งด้วย
ตำรวจร่วมมือกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ในการดำเนินคดี ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ และสามารถจับกุมสมาชิกในแก๊งได้ทั้งหมด 4 คน รวมถึงยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินการของแก๊งไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตำรวจมีความมุ่งมั่นในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องประชาชนจากการถูกหลอกลวง
ข้อหาที่ถูกดำเนินคดี
ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม”
สรุป
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความน่าเศร้าใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม กลับกลายเป็นผู้บงการและสนับสนุนการก่ออาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบยุติธรรม อย่างไรก็ตาม การที่ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถจับกุมผู้ต้องหาและยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินการของแก๊งได้ ถือเป็นความสำเร็จในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สำคัญ และเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนว่า การกระทำผิดจะไม่สามารถหลบหนีจากการลงโทษได้