ทีมชาติไทยเตรียมพร้อมสู้ศึกคิงส์คัพ! คาดการณ์ 11 แข้งตัวจริงของ “อิชิอิ” ในเกมรอบแรก
มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้ประกาศรายชื่อ 23 นักเตะที่เตรียมลุยศึกฟุตบอลคิงส์คัพ 2024 ณ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 7-15 ตุลาคมนี้ โดยมีทีมร่วมแข่งขันทั้ง ฟิลิปปินส์ ทาจิกิสถาน และซีเรีย ดังนั้น SIAMSPORT จึงขอวิเคราะห์การจัดทัพของกุนซือชาวญี่ปุ่นในระบบ 4-3-3 ว่าจะใช้ผู้เล่นตัวจริงรายใดบ้าง ก่อนลงสนามนัดแรกพบกับฟิลิปปินส์ในวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม เวลา 20:00 น. ถ่ายทอดสดทาง Facebook, Youtube ช่อง Changsuek Official และไทยรัฐ ทีวี HD ช่อง 32
ผู้รักษาประตู
นายทวารที่ถูกเรียกติดทีมชุดนี้มี ปฏิวัติ คำไหม (แบงค็อก ยูไนเต็ด), สรานนท์ อนุอินทร์ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด) และ กรกฎ พิพัฒน์นัดดา (ระยอง เอฟซี) ซึ่งเป็นชุดเดิมจากเกมฟีฟ่า เดย์เมื่อเดือนกันยายน โดย ปฏิวัติ และ สรานนท์ ถือเป็นสองตัวเลือกหลักของทีมชาติไทย ขณะที่ กรกฎ ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้ติดทีมต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ปฏิวัติ คำไหม จะได้รับโอกาสเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่งอย่างแน่นอน เนื่องจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและมีความสามารถในการเล่นบอลกับพื้นได้ดี ทำให้ อิชิอิ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวจริงในตำแหน่งนี้
ตัวจริงที่คาด: ปฏิวัติ คำไหม
เซนเตอร์ฮาล์ฟ
ในแนวรับตัวกลาง อิชิอิ ยังคงเลือกใช้ผู้เล่น 3 จาก 4 คนจากเกมฟีฟ่า เดย์ ได้แก่ เอเลียส ดอเลาะ (บาหลี ยูไนเต็ด), เฉลิมศักดิ์ อักขี (การท่าเรือ เอฟซี), โจนาธาน เข็มดี (ราชบุรี เอฟซี) และ ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ (เมืองทอง ยูไนเต็ด) โดยที่ สุพรรณ ทองสงค์ ถูกตัดชื่อออกไป และมี เฉลิมศักดิ์ อักขี จาก การท่าเรือ เอฟซี เข้ามาแทน ในเกมประเดิมสนามทีมชาติ โจนาธาน เข็มดี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าจะได้รับโอกาสลงเล่นต่อเนื่อง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ในระดับนานาชาติ ซึ่งนักเตะดาวรุ่งรายนี้มีศักยภาพที่จะพัฒนาไปได้ไกล และจะเป็นกำลังสำคัญให้กับทัพช้างศึกในอนาคต ส่วนคู่หูกองหลังของ โจนาธาน คาดว่าจะเป็น เอเลียส ดอเลาะ ปราการหลังลูกครึ่งไทย-สงขลา ที่มีประสบการณ์ค้าแข้งในต่างแดนกับสโมสรบาหลี ยูไนเต็ด ขณะที่ เฉลิมศักดิ์ อักขี และ ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ น่าจะเป็นตัวสแตนด์บายรอโอกาสลงสนาม
ตัวจริงที่คาด: เอเลียส ดอเลาะ และ โจนาธาน เข็มดี
ฟูลแบ็ก
ตำแหน่งแบ็กซ้าย-ขวา มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรจากเกมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีชื่อของ วาริส ชูทอง (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ชัยวัฒน์ บุราญ (การท่าเรือ เอฟซี) และ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายมือหนึ่งของทีม โดย อิชิอิ ได้เรียกตัว ศุภนันท์ บุรีรัตน์ และ อภิสิทธิ์ โสรฎา เข้ามาเสริมทัพแทน ศศลักษณ์ ไหประโคน แบ็กซ้ายจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นที่สุดในขณะนี้ ด้วยการทำ 3 แอสซิสต์ให้ทีมในลีก จึงมีโอกาสสูงที่จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ นิโคลัส มิคเคลสัน แบ็กขวาตัวหลักที่จะยึดตำแหน่งนี้ไปอีกนาน
ตัวจริงที่คาด: นิโคลัส มิคเคลสัน และ ศศลักษณ์ ไหประโคน
กองกลาง
แม้ว่าทีมชุดนี้จะไม่มี สารัช อยู่เย็น และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ สองมิดฟิลด์ตัวเก๋า แต่ยังมีผู้เล่นคุณภาพอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และ คคนะ คำยก ดาวรุ่งอนาคตไกลจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด เข้ามาเสริมทัพ คาดว่า ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงแทนที่ คคนะ คำยก ซึ่งเล่นในตำแหน่งเดียวกัน ส่วนอีกสองตำแหน่งกองกลางตัวรับ น่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ แต่ด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่า วรชิต น่าจะได้รับความไว้วางใจจาก อิชิอิ มากกว่า ขณะที่ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ผู้เล่นเพียงคนเดียวจาก ไทยลีก 2 ที่สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง แม้อาจไม่ได้ลงเป็นตัวจริง แต่เชื่อว่าจะได้รับโอกาสลงสนามอย่างแน่นอน ด้วยฝีเท้าที่อยู่ในระดับแถวหน้าของวงการลูกหนังไทย
ตัวจริงที่คาด: วีระเทพ ป้อมพันธุ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์
ปีก
ในตำแหน่งปีก อิชิอิ ต้องปรับเปลี่ยนแท็คติกใหม่ เนื่องจากไม่มี สุภโชค สารชาติ ตัวหลักของทีม โดยเรียก เอกนิษฐ์ ปัญญา, อนันต์ ยอดสังวาลย์ และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ เข้ามาทดแทน เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมพบเวียดนาม น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นในบทบาทเพลย์เมคเกอร์หรือแนวรุกริมเส้น ส่วนอีกตำแหน่งต้องแย่งกันระหว่าง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, อนันต์ ยอดสังวาลย์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่เล่นเป็นกองหน้าริมเส้นได้ดี จากตัวผู้เล่นที่มี คาดว่า ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จะได้ยืนเป็นปีกขวา ขณะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา จะย้ายไปเล่นแทน สุภโชค สารชาติ ในฝั่งซ้ายอย่างแน่นอน
ตัวจริงที่คาด: ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ เอกนิษฐ์ ปัญญา
กองหน้าตัวเป้า
เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อยที่ พาทริค กุสตาฟส์สัน หัวหอกเชื้อสายสวีเดนของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เพิ่งย้ายไปเล่นกับ นาระ ทีมในเจลีก 3 ด้วยสัญญายืมตัว ไม่มีชื่ออยู่ในทีมชาติไทยชุดนี้ แม้ว่าผลงานในสโมสรจะดีเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเกมเปิดศึกชิงชนะเลิศ คิงส์คัพ 2024 ที่สนามติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา
อย่างไรก็ตาม มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ได้เลือกประกาศรายชื่อ 23 ขุนพลชุดลุยศึกคิงส์คัพ 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-15 ตุลาคมนี้ โดยมีคู่แข่งอย่าง ฟิลิปปินส์, ทาจิกิสถาน และซีเรีย ที่จะร่วมชิงชัยในทัวร์นาเมนต์นี้ เราจะมาดูการวิเคราะห์การจัดทัพของโค้ชชาวญี่ปุ่นในระบบ 4-3-3 ว่าจะมีความแม่นยำแค่ไหน ไปติดตามกันในวันแข่งขันจริงเลย!
ทีมชาติไทยมีคิวพบกับฟิลิปปินส์ในวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2024 เวลา 20:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ สนามกีฬาติณสูลานนท์ โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง Facebook และ YouTube: Changsuek Official / Facebook: FA Thailand และ ไทยรัฐทีวี HD ช่อง 32
5 ประเด็นน่าสนใจก่อนเกมคิงส์คัพนัดเปิดสนาม
ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เรามาดูกันว่ามีประเด็นไหนบ้างที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ:
- ฟอร์มการเล่นของผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง ปฏิวัติ คำไหม จะเฝ้าเสาได้เหนียวแน่นเพียงใด
- คู่หูเซนเตอร์ฮาล์ฟ เอเลียส ดอเลาะ และ โจนาธาน เข็มดี จะประสานงานกันได้ดีแค่ไหน
- ริมเส้นทั้งสองฝั่งอย่าง นิโคลัส มิคเคลสัน และ ศศลักษณ์ ไหประโคน จะสามารถสร้างสรรค์เกมรุกได้มากน้อยเพียงใด
- แดนกลางนำทีมโดย ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะเป็นหัวใจสำคัญได้หรือไม่
- หัวหอกตัวเก่งอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด จะทำประตูให้ทีมได้หรือเปล่า
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริง
เราคาดการณ์ว่า 11 ตัวจริงที่ มาซาทาดะ อิชิอิ จะส่งลงสนามในเกมนี้มีดังนี้:
- ผู้รักษาประตู: ปฏิวัติ คำไหม
- กองหลัง: นิโคลัส มิคเคลสัน, เอเลียส ดอเลาะ, โจนาธาน เข็มดี, ศศลักษณ์ ไหประโคน
- กองกลาง: วีระเทพ ป้อมพันธุ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ชนาธิป สรงกระสินธ์
- กองหน้า: ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด, เอกนิษฐ์ ปัญญา
ทั้งนี้ยังมีตัวสำรองฝีเท้าดีที่พร้อมลงมาเปลี่ยนเกมได้ตลอดเวลา เช่น คคนะ คำยก, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, และ ปรเมศย์ อาจวิไล
บทสรุป
การพบกันของทีมชาติไทยกับฟิลิปปินส์ในศึกคิงส์คัพ 2024 นัดแรก ถือเป็นเกมที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการเปิดทัวร์นาเมนต์แล้ว ยังเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของ มาซาทาดะ อิชิอิ ในการจัดทัพครั้งนี้ด้วย แฟนบอลช้างศึกไม่ควรพลาดร่วมเชียร์และส่งกำลังใจให้นักเตะไทยในเกมสำคัญนี้!