ในภาวะปัจจุบัน เรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการรับประทานมะเขือบ้า ซึ่งถือเป็นพืชมีพิษร้ายแรงได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในจังหวัดมหาสารคาม เมื่อมีชายคนหนึ่งถูกภรรยานำมะเขือบ้ามาต้มให้กินด้วยเจตนาหวังจะให้เลิกดื่มสุรา แต่กลับเกิดอาการแปลกประหลาดอันน่ากลัวจนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอย่างเร่งด่วน ทำให้ทางโรงพยาบาลมหาสารคามได้ออกมาเตือนภัยจากมะเขือบ้าพร้อมระบุวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
มะเขือบ้า…พืชร้ายทุกส่วนเป็นพิษ
มะเขือบ้า หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “ลำโพงขาว” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Datura alba Nees เป็นพืชล้มลุกลักษณะคล้ายมะเขือพวง แต่ทุกส่วนของต้นมะเขือบ้านี้ล้วนมีพิษร้ายแรง โดยเฉพาะเมล็ดที่มีสารพิษสูงมาก เพียงแค่รับประทาน 10 เมล็ดก็สามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งสารพิษหลักในมะเขือบ้าประกอบไปด้วย
- Atropine
- Scopolamine
- Hyoscyamine
อาการพิษร้ายจากมะเขือบ้า
หากได้รับสารพิษจากมะเขือบ้า อาการจะเริ่มปรากฏภายใน 30 นาที – 1 ชั่วโมง และจะดำเนินต่อไปอีกประมาณ 2-3 วัน ซึ่งอาการที่พบได้แก่
- ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ
- สายตาพร่ามัว
- ประสาทหลอน เคลิบเคลิ้ม เพ้อ เห็นภาพประหลาด
- หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิร่างกายสูงผิดปกติ
- มือเท้าเกร็ง ผุดลุกผุดนั่ง ไม่รู้สึกตัว
- อาจชัก หมดสติ หรือเสียชีวิตในกรณีรุนแรง
แนวทางปฐมพยาบาลเบื้องต้น
หากสงสัยว่าได้รับพิษจากมะเขือบ้า ควรปฏิบัติดังนี้
- ห้ามทำให้อาเจียน เพราะอาจเสี่ยงต่อการสูดสำลักสารพิษ
- รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
- หากหมดสติและไม่หายใจ ให้ทำ CPR โดยเร็ว
- ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเจือจางสารพิษ (หากยังมีสติ)
- ในกรณีฉุกเฉิน สามารถโทร 1669 ขอความช่วยเหลือได้ทันที
ดังนั้น จึงควรระมัดระวังและห้ามรับประทานมะเขือบ้าโดยเด็ดขาด รวมถึงป้องกันไม่ให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้พืชชนิดนี้ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ควรแสวงหาความรู้ที่ถูกต้องเพื่อปกป้องชีวิตของตนเองและคนรอบข้าง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง: โรงพยาบาลมหาสารคาม, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี